简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทเรียนจากจาเมกาถึงหาดใหญ่ ที่ชี้ว่า “อนาคตต้อง Decentralized”
บทคัดย่อ:บทความนี้สะท้อนให้เห็นปัญหาการสื่อสารที่มัก “หายไปทันที” เมื่อเกิดภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมในภาคใต้ของไทย หรือพายุเฮอริเคน Melissa ที่จาเมกา ซึ่งทำให้โครงสร้างสื่อสารแบบรวมศูนย์ล่มกว่า 70% เหตุการณ์ดังกล่าวผลักให้ชาวจาเมกาหันมาใช้ Bitchat แอปสื่อสารแบบ Decentralized ที่ทำงานผ่าน Bluetooth Mesh Network ส่งข้อความกันได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต เครือข่ายประชาชนลักษณะนี้พิสูจน์ว่าเทคโนโลยี Decentralized ไม่ได้มีไว้เพียงเทรดคริปโต แต่มีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัยและการช่วยชีวิตในสถานการณ์ฉุกเฉิน บทความชี้ให้เห็นว่าไทยควรพิจารณาเทคโนโลยี DePIN หรือระบบสื่อสารฉุกเฉินแบบไม่พึ่งโครงสร้างรวมศูนย์ เพื่อเพิ่มความทนทานในการรับมือภัยพิบัติในอนาคต.

ช่วงวันที่ภาคใต้เผชิญน้ำท่วมหนัก ภาพข่าว และคลิปเหตุการณ์ที่ส่งต่อกันในโซเชียล ทำให้หลายคนใจหายไม่น้อย แต่ในทุกวิกฤต สิ่งที่ตามมาพร้อมกับระดับน้ำเสมอคือ…“การสื่อสารที่ขาดหายไป”
ไฟดับ เสาสัญญาณดับตาม
เน็ตล่ม ติดต่อครอบครัวไม่ได้
การขอความช่วยเหลือกลายเป็นเรื่องยากทันที
หลายคนอาจคิดว่านี่คือปัญหาเฉพาะพื้นที่บ้านเรา แต่จริง ๆ แล้ว เหตุการณ์คล้ายกันเพิ่งเกิดขึ้น “อีกฟากของโลก” ที่จาเมกา เมื่อพายุเฮอริเคน Melissa ถล่มประเทศจนระบบสื่อสารล่มกว่า 70% ทั่วประเทศ และสิ่งที่ช่วยชาวจาเมกาได้… ไม่ใช่สัญญาณโทรศัพท์ แต่คือเทคโนโลยีแบบ Decentralized
Bitchat คืออะไร? และเหตุผลที่ชาวจาเมกาต้องหันไปพึ่งมัน
Bitchat คือแอปที่ Jack Dorsey (อดีตผู้ก่อตั้ง Twitter) ร่วมพัฒนา
แต่สิ่งที่ทำให้มันพิเศษคือ…มันไม่ใช้สัญญาณมือถือ แต่ใช้ “Bluetooth Mesh Network”
แปลแบบภาษาชาวบ้านโดยแอดเหยี่ยว:
- โทรศัพท์ทุกเครื่องกลายเป็น “เสาสัญญาณขนาดเล็ก”
- ข้อความจากคุณจะถูกส่งกระโดดจากมือถือ → ไปมือถือใกล้เคียง → ไล่ไปเรื่อย ๆ
- ใช้งานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต หรือเสาสัญญาณล่ม
- ยิ่งมีคนใช้เยอะ เครือข่ายยิ่งแข็งแกร่ง
และฟีเจอร์ที่ถูกใช้งานหนักที่สุดในจาเมกา คือ Location Notes — ปักหมุดเตือนภัยแบบออฟไลน์
ชาวบ้านสามารถบอกตำแหน่งกันได้ทันที เช่น
- จุดแจกน้ำสะอาด
- เส้นทางที่น้ำสูงอันตราย
- จุดอพยพ
- พื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือด่วน
ข้อมูลเหล่านี้เด้งเตือนให้คนในรัศมี Mesh โดยไม่ต้องง้ออินเทอร์เน็ตแม้แต่นิดเดียว นี่คือภาพที่ชัดที่สุดว่า “Decentralized ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเหรียญคริปโต แต่มันช่วยชีวิตคนได้จริง”
เมื่อระบบรวมศูนย์ล้มโครงสร้างที่พึ่งได้จริงคือ “เครือข่ายประชาชน”
ระบบ Centralized เช่น ค่ายมือถือ มักทำงานรวดเร็วในภาวะปกติ
แต่เมื่อเสาสัญญาณถูกทำลาย ระบบล่มจากพายุ น้ำท่วม ไฟดับ…
ทุกอย่างหยุดลงทันที
แต่เครือข่ายแบบ Decentralized อย่าง Mesh Network หรือ Blockchain
กลับยังทำงานได้ เพราะไม่มี “ศูนย์กลาง” ให้พังทีเดียวทั้งระบบ กรณีนี้คล้ายกับเหตุการณ์ความไม่สงบในเนปาลและอินโดนีเซีย ที่ผู้ชุมนุมใช้อุปกรณ์และแอป Mesh Network เพื่อสื่อสารเมื่อรัฐบาลปิดสัญญาณมือถือ
นี่คือความหมายจริง ๆ ของคำว่า Resilience — ความทนทานของโครงสร้าง
แล้วประเทศไทยล่ะ พร้อมหรือยังกับเทคโนโลยีแบบ DePIN?
กรณีภาคใต้ทำให้เราได้คิดว่า…
ถึงเวลาหรือยังที่เราควรมี“เครื่องมือสื่อสารฉุกเฉิน ไม่ต้องง้อเน็ต” ติดเครื่องไว้คนละแอป
ในอนาคต หากเทคโนโลยี DePIN (Decentralized Physical Infrastructure Network) พัฒนาในไทยได้จริง
เราจะไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณเพียงไม่กี่ต้นอีกต่อไป แต่มีเครือข่ายภาคประชาชนที่ช่วยกันเชื่อมต่อได้ทุกเวลา
ในโลกที่ภัยพิบัติหนักขึ้นทุกปี เทคโนโลยี Decentralized ไม่ได้มีไว้เทรด ไม่ได้มีไว้เก็งกำไรเท่านั้น
แต่อาจกลายเป็น…
“ตัวช่วยชีวิตใบสุดท้าย” เมื่อทุกอย่างรอบตัวดับลง
แอดเหยี่ยวขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ทุกคน และหวังว่าบทเรียนจากจาเมกา…จะช่วยให้เรารับมืออนาคตได้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ และ siamblockchain
โดนหลอกโดนโกง อย่าเก็บไว้คนเดียว แอดเหยี่ยวช่วยได้!
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

ยังทันไหม? ความจริงของการขุดคริปโตปีนี้ที่หลายคนไม่กล้าบอก
บทความนี้วิเคราะห์ความคุ้มค่าของการขุด Bitcoin ในปีปัจจุบัน โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญ เช่น ค่าไฟฟ้า ความยากในการขุด ราคาตลาด และต้นทุนอุปกรณ์ พร้อมอธิบายโครงสร้างรายได้หลังการ Halving ที่ทำให้รางวัลลดลงและการแข่งขันสูงขึ้น ผลการประเมินพบว่าการขุดจะคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มีต้นทุนไฟฟ้าต่ำและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง รวมถึงผู้ที่ต้องการสะสม Bitcoin ระยะยาว ขณะที่ผู้ที่มีค่าไฟสูงหรือหวังผลตอบแทนเร็วอาจไม่เหมาะกับการขุดในช่วงนี้ โดยมีทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากว่า เช่น การซื้อสะสมแบบ DCA หรือการลงทุนในบริษัทเหมือง Bitcoin บทความจึงสรุปว่า การขุดยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ แต่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างต้นทุนและกลยุทธ์ของผู้ลงทุนเป็นหลัก

จำผิดมานานหรือเปล่า? ความจริงของรหัส CFX ที่ควรรู้ก่อนทุกการเทรด
คำว่า CFX ไม่ใช่รหัสสกุลเงิน Forex แต่เป็นสัญลักษณ์ของเหรียญคริปโต Conflux (CFX) ซึ่งเทรดในตลาดคริปโตหรือ Crypto CFD การสับสนระหว่าง CFX กับคู่เงิน Forex อาจนำไปสู่การเปิดออเดอร์ผิดประเภท ประเมินความเสี่ยงผิด และวิเคราะห์กราฟผิดบริบท การเข้าใจประเภทสินทรัพย์ที่เทรดอยู่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยงและทำกลยุทธ์เทรดให้แม่นยำ

บิดคอยหลุดแสน! เกิดอะไรขึ้นกับตลาดคริปโตต้นปี 2025 ทำไมนักลงทุนถึงหนีตาย?
ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2025 ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงจาก 126,198 ดอลลาร์ต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ เหตุผลหลักมาจากความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายดอกเบี้ยสหรัฐฯ การไหลออกจาก Bitcoin ETF และแรงขายจากนักลงทุนรายใหญ่ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ การร่วงครั้งนี้อาจเป็นกระบวนการล้างเลเวอเรจเพื่อเตรียมรอบกระทิงครั้งต่อไป นักลงทุนควรโฟกัสภาพรวม ลดเลเวอเรจ และจับตาการไหลเข้า–ออกของตลาดเพื่อเตรียมรับโอกาสในรอบถัดไป

นักลงทุนคริปโตทุบขาย 148,000 เหรียญ วงแตกทั่วตลาด เสี่ยงหลุดแนวรับ 90,000 ดอลลาร์!
ตลาด Bitcoin เผชิญแรงขายรุนแรงจนราคาลงเหลือ 92,000 ดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนหน้าใหม่เป็นกลุ่มขายหลัก โดยมักขายด้วยอารมณ์มากกว่ากลยุทธ์ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นของการวางแผนและความอดทน การเทขายครั้งนี้อาจช่วยปรับฐานเชิงโครงสร้าง ทำให้เหรียญตกไปอยู่ในมือของนักลงทุนที่มีความอดทนสูงกว่า แนวรับสำคัญอยู่ราว 89,000–93,000 ดอลลาร์ การอยู่รอดในตลาดขึ้นอยู่กับการมองภาพระยะยาวและใช้ข้อมูล ไม่ใช่รีบตัดสินใจตามอารมณ์ชั่วคราว.
WikiFX โบรกเกอร์
FOREX.com
Exness
FXTM
Vantage
AVATRADE
STARTRADER
FOREX.com
Exness
FXTM
Vantage
AVATRADE
STARTRADER
WikiFX โบรกเกอร์
FOREX.com
Exness
FXTM
Vantage
AVATRADE
STARTRADER
FOREX.com
Exness
FXTM
Vantage
AVATRADE
STARTRADER
