简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
ระวังหมดตัว! เพราะสับสน Spot กับ Future นักเทรดมือใหม่ต้องอ่าน
บทคัดย่อ:การเทรด Spot คือการซื้อขายสินทรัพย์จริงแบบไม่มี Leverage เหมาะกับสายลงทุนระยะยาว ส่วน Future คือการเก็งกำไรผ่านสัญญาซื้อขาย ใช้ Leverage ได้แต่มีความเสี่ยงสูง มือใหม่ควรเริ่มจาก Spot ก่อนเพื่อเข้าใจตลาดจริงก่อนขยับสู่ Future

ช่วงนี้มีนักเทรดหน้าใหม่หลังไมค์มาถามแอดเหยี่ยวเยอะมากว่า “เทรด Spot กับ Future มันต่างกันยังไง?” บางคนเพิ่งเริ่มเทรด บางคนกำลังเลือกแพลตฟอร์มซื้อขาย แล้วเจอคำว่า Spot กับ Future ก็เริ่มงงๆ ว่าควรเลือกอะไรดี
บทความนี้แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดทุกท่านมาเข้าใจชัดๆ ว่า“เทรด Spot คืออะไร” และ“เทรด Future คืออะไร” และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของเราเอง
เทรด Spot คืออะไร?
เทรด Spot (Spot Trading) คือการซื้อขายสินทรัพย์แบบส่งมอบทันที (หรือเกือบทันที) โดยอ้างอิงราคาตลาดในขณะนั้น เช่น ถ้าคุณซื้อ Bitcoin บนตลาด Spot เท่ากับคุณได้ “ครอบครองจริง” ในเวลานั้นเลย
จุดเด่นของการเทรด Spot
- คุณต้องมีเงินเต็มจำนวนเพื่อซื้อสินทรัพย์
- ไม่มี Leverage (ไม่ใช้เงินยืมจากโบรกเกอร์)
- ความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะไม่มีการบังคับขายเมื่อขาดทุน
- เหมาะกับสายลงทุนระยะยาว หรือเทรดแบบไม่เร่งรีบ
ยกตัวอย่าง: ถ้า BTC อยู่ที่ 1,000,000 บาท แล้วคุณมีเงินสดซื้อ 1 BTC แบบเต็มจำนวน → เทรดเสร็จคุณได้ BTC จริงมาเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณเลย
เทรด Future คืออะไร?
เทรด Future (Futures Trading) คือการซื้อขาย “สัญญา” ที่ผูกกับราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องถือของจริง แต่เก็งกำไรจากการขึ้นหรือลงของราคา จุดสำคัญคือสามารถ เปิดสถานะ Long หรือ Short ได้ (ซื้อหรือขายล่วงหน้า) และยังสามารถใช้ Leverage หรือ “เงินกู้” จากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดการเทรดได้
จุดเด่นของการเทรด Future
- ใช้เงินน้อยก็เทรดได้ เพราะมี Leverage
- ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (Long/Short)
- เหมาะกับสายเทรดเร็ว สายเก็งกำไร สาย Day Trade
- ความเสี่ยงสูง เพราะถ้าราคาผิดทาง อาจโดนบังคับปิดออเดอร์ (Liquidate)
ยกตัวอย่าง: คุณมีทุน 10,000 บาท แต่ใช้ Leverage 10 เท่า → เท่ากับคุณสามารถเปิดสัญญาเทรดที่มูลค่า 100,000 บาทได้ แต่ถ้าราคาผิดทาง 10% ก็อาจถูกล้างพอร์ตได้เลย
แล้วจะเลือกเทรดอะไรดี? แอดเหยี่ยวขอแบ่งง่ายๆ แบบนี้
| นักเทรดสายไหน | เหมาะกับอะไร |
| มือใหม่ | Spot ก่อนเลย ปลอดภัยกว่า |
| นักลงทุนระยะยาว | Spot เพราะได้ของจริง เก็บได้ |
| เทรดเดอร์สายสั้น | Future เพราะเข้าไว-ออกไว |
| คนรับความเสี่ยงสูง | Future พร้อม Leverage |
| คนอยากเรียนรู้การจัดพอร์ต | Spot ช่วยให้เข้าใจตลาดก่อน |
แต่ไม่ว่าจะเทรดแบบไหน จุดที่แอดเหยี่ยวอยากย้ำคือ ต้องเข้าใจก่อนลงเงินจริง เพราะ Spot กับ Future ไม่ใช่แค่ชื่อคล้ายกัน แต่กลยุทธ์และความเสี่ยงต่างกันคนละโลก
สรุป: เทรด Spot กับ Future ต่างกันยังไง?
- เทรด Spot คือ การซื้อขายจริง ได้ของจริง ไม่เสี่ยง Leverage
- เทรด Future คือ การเก็งกำไรจากสัญญา ใช้เงินน้อย เสี่ยงสูง
- เทรด Spot กับ Future ต่างกัน ที่ระดับความเสี่ยง ความซับซ้อน และกลยุทธ์ที่ใช้
ใครที่เพิ่งเริ่มต้น แอดเหยี่ยวแนะนำให้ลองเริ่มจาก Spot Market ก่อน เพื่อเข้าใจธรรมชาติของราคาจริงในตลาด แล้วค่อยศึกษาวิธีใช้ Future อย่างปลอดภัยทีหลัง
ถ้านักเทรดคนไหนยังลังเล หรืออยากให้แอดเหยี่ยวช่วยดูพอร์ต วางกลยุทธ์ว่าจะจัด Spot + Future อย่างไรให้บาลานซ์ ก็แวะมาทักหลังไมค์ได้เสมอ
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

เด็กขายเค้กสู่เศรษฐีฟอเร็กซ์ร้อยล้าน! เรื่องจริงที่สอนว่าความโลภมีราคา
Sandile Shezi เคยถูกยกย่องว่าเป็นเศรษฐีอายุน้อยที่สุดของแอฟริกาใต้ หลังสร้างชื่อจากการเทรด Forex ตั้งแต่อายุ 23 ปี แต่ความสำเร็จของเขาไม่ไร้ข้อวิพากษ์ เส้นทางชีวิตสะท้อนทั้งแรงบันดาลใจจากการเริ่มต้นศูนย์ และความเสี่ยงจากการบริหารเงินของผู้อื่น เรื่องราวของ Shezi เตือนนักลงทุนว่าการเทรดไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย แต่ต้องอาศัยความรู้ วินัย และความรอบคอบ ไม่ให้ความโลภและภาพลวงนำทาง

กำไรหายไม่รู้ตัว! ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ที่เทรดเดอร์มักมองข้าม
ค่าธรรมเนียมจากโบรกเกอร์เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อกำไรของนักเทรด Forex อย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นสเปรด ค่าคอมมิชชั่น ค่า Swap ค่าฝาก–ถอน หรือค่าธรรมเนียมแฝง การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนกลยุทธ์ เลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด และป้องกันการสูญเสียกำไรโดยไม่จำเป็น นักเทรดมืออาชีพชนะตลาดไม่ใช่เพราะเดาทิศทางถูกเสมอ แต่เพราะบริหารต้นทุนได้อย่างชาญฉลาด

จากปี 2009 ถึงวันนี้! เส้นทางนักลงทุนบิตคอยน์ที่พลิกโลกการเงินทั้งใบ
ตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน นักลงทุน Bitcoin ได้ผ่านวิวัฒนาการจากกลุ่มนักพัฒนาที่เชื่อในอุดมการณ์เงินดิจิทัล สู่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยและสถาบันการเงินระดับโลก ตลาด Bitcoin สอนบทเรียนสำคัญว่า การอยู่รอดในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ขึ้นกับการเดาเร็ว แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในความผันผวน การลงทุนด้วยศรัทธาคู่กับความรู้ และการควบคุมอารมณ์ นักลงทุนยุคใหม่ยังใช้เครื่องมือ AI และข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจ ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่สะท้อนทั้งมูลค่าเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง
WikiFX โบรกเกอร์
Plus500
FXTM
FXCM
AVATRADE
octa
Exness
Plus500
FXTM
FXCM
AVATRADE
octa
Exness
WikiFX โบรกเกอร์
Plus500
FXTM
FXCM
AVATRADE
octa
Exness
Plus500
FXTM
FXCM
AVATRADE
octa
Exness

